หลังมีรายงานข่าวสะพัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกจากประเทศไทยทางเกาะช้างผ่านช่องทางธรรมชาติทางชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ หรือสนามบินโปเชงตง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากใจกลางกรุงพนมเปญไปทางตะวันตก 7 กิโลเมตร ก่อนบินตรงไปประเทศสิงคโปร์ แล้วบินต่อไปประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือดูไบ ต่ออีกทอด
โดยมีรายการว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกจากบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ในช่วงพลบค่ำ และไม่มีคณะติดตาม ซึ่งแม้แต่คนสนิทก็ไม่ทราบถึงการเดินทางดังกล่าวเนื่องจากเกรงข่าว จะรั่ว และการเดินทางออกนอกประเทศครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้พาน้องไปป์ นายศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายคนเดียวไปด้วย โดยให้อยู่ในความรับผิดชอบของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร ผู้เป็นพ่อ โดยข้อความสุดท้ายที่อดีตนายกฯ ฝากไว้กับคนใกล้ชิดคือ “อย่าทิ้งน้องนะ”
จากการตรวจสอบ พบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปทำบุญกราบไหว้สมเด็จโตที่วัดระฆัง กทม. เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นมีข้อมูลว่าวันที่ 24 ส.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์แล้ว ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เดินทางมาที่ประเทศสิงคโปร์เช่นเดียวกันทั้งนี้ศาลออกหมายจับอดีตนายกฯ ที่ไม่มาฟังคำตัดสินคดีข้าว โดยไม่เชื่ออ้างป่วยน้ำในหูไม่เท่ากัน สั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาไป 27 ก.ย.
รายงานข่าว แจ้งว่า ก่อนหน้านี้นายทักษิณเคยเอ่ยปากชวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศ หากต้องเข้าคุก ซึ่งเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ญาติ คนสนิท ครอบครัวของนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตส.ส.และผู้ติดตาม รวมถึงทุกคนในพรรคต่างงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเชื่อว่าคงมีสัญญาณอะไรบางอย่างมาก่อนแล้ว ไม่เช่นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์คงไม่หนี เพราะเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ยังสั่งงานคนสนิทผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทีมงานได้เตรียมพร้อมจุดเดินทักทายกับประชาชนไว้แล้ว
ล่าสุดมีรายงานว่า เครื่องบินส่วนตัวของ ทักษิณ อดีตนายกฯ ที่มารับ ยิ่งลักษณ์ น้องสาว ลี้ภัยการเมือง คือ Gulf Stream G-650ER ขนาด 12 ที่นั่ง ความเร็ว 1,200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ราคา 2,400 ล้านบาท โดยมีรายงานว่าเคยใช้บินไปรับที่ฝรั่งเศสมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน
No comments: